เหรียญ ตักม้อ (達摩) หรือพระโพธิธรรม (菩提達摩) อัลปาก้า เคลือบน้ำยา ปี 2528

เหรียญ ตักม้อ (達摩) หรือพระโพธิธรรม (菩提達摩) อัลปาก้า เคลือบน้ำยา ปี 2528
เหรียญ ตักม้อ (達摩) หรือพระโพธิธรรม (菩提達摩) อัลปาก้า เคลือบน้ำยา ปี 2528เหรียญ ตักม้อ (達摩) หรือพระโพธิธรรม (菩提達摩) อัลปาก้า เคลือบน้ำยา ปี 2528
รหัสสินค้า PJPOTMJS2801
หมวดหมู่ เทพเจ้าจีน ฮินดู คริส พุทธ เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ฆราวาสขมังเวทย์ นักบวชจีน วัดจีนนิกาย
ราคา 1,250.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 17 ก.ค. 2565
อัพเดทล่าสุด 17 ก.ค. 2565
จำนวน
เหรียญ
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
พระโพธิธรรม (สันสกฤต: โพธิธรฺม, เทวนาครี बोधिधर्म; อักษรโรมัน (NLAC) : bōdhidharma; จีน: 菩提達摩, พินอิน: Pútídámó , Dámó) แต่ในนิยายกำลังภายในในประเทศไทยมักเรียก ตักม้อ หรือ ตั๊กม้อ (สำเนียงแต้จิ๋ว ตรงกับจีนกลางว่า ต๋าหมอ) เป็นพระภิกษุมหายานผู้ก่อตั้งนิกายฉานขึ้นในประเทศจีน มีประวัติไม่ชัดเจนนัก แต่เชื่อกันว่ามีตัวตนอยู่จริง และเป็นผู้สถาปนาวัดเส้าหลิน ในจีน ทั้งยังได้เผยแพร่วิชามวยจีนในหมู่พระเณรของวัดเส้าหลิน จนมีชื่อเสียงมาจวบจนทุกวันนี้

ตามตำนานระบุว่า ท่านเกิดเมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 6 เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 3 ของพระมหากษัตริย์แคว้นคันธาระ ประเทศอินเดีย ใกล้เมืองมัทราสในปัจจุบัน มีนัยน์ตาสีฟ้า ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ก็ทรงปราดเปรื่องและแตกฉานในคัมภีร์ของทุก ๆ ศาสนา ตลอดจนวรรณคดี อักษรศาสตร์โบราณ นับเป็นปราชญ์เอกแห่งยุค

เมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์ พระองค์สามารถนั่งสมาธิเข้าฌานสมาบัติชั้นสูง อยู่เบื้องพระบรมศพของพระบิดานานตลอดถึง 7 วัน หลังจากนั้น จึงไปศึกษาแสวงธรรมอยู่กับพระปรัชญาตาระเถระ ผู้เป็นพระสังฆปรินายกองค์ที่ 27 แห่งนิกายเซน (ซึ่งอ้างว่าสืบมาตั้งแต่พระมหากัสสปะในสมัยพุทธกาล ถือเป็นพระปฐมสังฆปริณายกของนิกายเซนในประเทศจีน) หลังจากนั้นท่านได้จาริกจากอินเดียไปเมืองจีน เมื่อราว ค.ศ. 526 ได้เดินทางไปยังเมืองกวางตุ้งของจีน เข้าเฝ้าจักรพรรดิเหลียงอู่ตี้ และไม่นานต่อมาได้ก่อตั้งอารามขึ้นในเมืองลั่วหยาง และใช้เวลาปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานถึง 9 ปีในการเพ่งผนังถ้ำ

ฝ่ายมหายาน ถือว่าพระโพธิธรรมเป็นสังฆปริณายกองค์ที่ 28 ที่สืบสายโดยตรงมาจากพระโคตมพุทธเจ้าผ่านทางพระมหากัสสปะ และยังเป็นผู้สถาปนานิกายเซนขึ้นมาในประเทศจีนอีกด้วย เนื่องจากคำสอนของท่านจะเน้นไปที่การเข้าฌาน แนวทางคำสอนของท่านจึงมักจะเรียกกันว่า ฌาน (สันสกฤต: [ธฺยาน] ध्यान : dhyan ) ในภาษาจีนเรียกว่า 'ฉาน'(สำเนียงจีนกลาง ส่วนสำเนีงแต้จิ๋วเรียกว่า เซี้ยง) และภาษาญี่ปุ่นว่า 'เซน'

ประวัติชีวิตของท่านถือเป็นตำนาน ขาดหลักฐานที่แน่นอน เช่น ตำนานหนึ่งเล่าว่า ท่านได้ตัดหนังตาทิ้ง เนื่องจากโมโหที่เผลอหลับไปขณะทำสมาธิ เมื่อหนังตานั้นตกถึงพื้น ก็เติบโตกลายเป็นต้นชา และตำนานยังเล่าต่อว่า ด้วยเหตุดังกล่าวภิกษุนิกายเซนจึงนิยมดื่มน้ำชา เพราะจะได้ไม่ง่วงเวลาทำสมาธิ

พ.ศ. 1079 มีการสร้างสถูปอุทิศถวายท่านขึ้นในเมืองเหอหนาน ภายหลังรัชสมัยจักรพรรดิถังไท่จง
ตุ๊กตาล้มลุกของญี่ปุ่น ที่เรียกว่า "ดะรุมะ" ก็เชื่อกันว่าสืบมาจากท่านตั๊กม้อนี้

ตำนานนั่งฝังเงาบนผนัง
หลังจากท่านบรรลุธรรมแล้ว ก็ได้เดินทางจากอินเดียมากวางโจวในสมัยราชวงศ์เหนือใต้ และได้ไปพักอยู่ที่วัดเส้าหลินในที่สุดครับ ในตอนนั้นท่านได้ค้นพบถ้ำธรรมชาติที่อยู่ด้านหลังวัด ซึ่งเป็นที่มาของตำนานเรื่องการนั่งฝังเงาเลยก็ว่าได้ คือ ท่านเลยเข้าไปนั่งกรรมฐานหันหน้าเข้าผนังถ้ำตามสไตล์ของท่านในถ้ำนั้น พอนั่งนานเข้าๆโดยไม่เคลื่อนไหวร่างกาย เงาที่ทอดจากตัวของท่านบนผนังก็ฝังเป็นรอยที่เห็นได้ชัดอยู่แบบนั้นเลยครับ (ท่านนั่งแบบนั้นนานถึง 9 ปีเลย)
ในระหว่างที่ท่านนั่งกรรมฐานโดยไม่เคลื่อนไหวร่างกายและไม่พูดกับใครนั้น พระสงฆ์ลูกวัดเส้าหลินต่างก็ศรัทธาเลื่อมใสในตัวท่าน จึงได้เชิญท่านเข้าพักในวัดเส้าหลินและท่านก็ได้เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ของวัดครับ (องค์แรกคือพระภัทระ)
กำเนิดมวยเส้าหลิน
ด้วยความที่ท่านนั่งกรรมฐานนานๆ ทำให้ร่างกายปวดเมื่อยและทรุดโทรมลงได้ถ้าไม่มีการออกกำลังกาย ท่านจึงคิดค้นเพลงหมัดมวยขึ้นมาเพื่อใช้ในการออกกำลังกาย ซึ่งถูกเรียกว่า "ท่ามวยอรหันต์" มีอยู่ด้วยกัน 18 ท่าเรียกว่า เส้าหลินสือปาหลอฮั่นโส่ว หรือเพลงมวยฝ่ามือ 18 อรหันต์
คัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง (九阴真经)
ตอนท่านเดินจาริกไปทั่วประเทศจีนเพื่อปราบคนพาล ท่านใช้วิชาต่อสู้ที่แปลกประหลาด และท่านก็รวบรวมวิชาทั้งหมดขึ้นเป็นคัมภีร์ที่มีชื่อว่าคัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง คัมภีร์นี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ “คัมภีร์ท่อนบน” บันทึกวิชาที่ใช้ฝึกความแข็งแรงของร่างกาย (โยคะ) และการต่อสู้ 72 กระบวนท่า อีกส่วนนึงคือ “คัมภีร์ท่อนล่าง” บันทึกเคล็ดวิชาต้องห้าม (วิชามาร) เอาไว้ 36 ประบวนท่า วิชามารเหล่านี้คือกระบวนท่าที่โหดเหี้ยมชั่วร้ายของผู้ที่ท่านไปปราบมาได้ ท่านจึงเอามาบันทึกเป็นวิชาต้องห้าม เพื่อไม่ให้ฝึกเพราะเป็นวิชาที่ผิดศีลธรรม
แต่พอท่านเสียชีวิตลง ก็มีคนขโมยคัมภีร์ท่อนล่างออกจากวัดเส้าหลินแล้วก็หายตัวไปครับ
บทความครั้งหน้าผมจะเขียนถึงเคล็ดวิชาของเส้าหลินอื่นๆอย่างลงรายละเอียดให้ได้อ่านกันนะครับ
ขอต่ออีกสักนิดเกี่ยวกับเรื่องเล่าอภินิหารเกี่ยวกับท่านตักม้อ
ตอนท่านเดินทางจากอินเดียไปที่จีน ต้องข้ามน้ำข้ามภูเขาสารพัด เวลาข้ามแม่น้ำก็ไม่สามารถหาเรือได้เลย ท่านจึงเด็ดอ้อท่อนนึงโยนลงน้ำแล้วก็ขึ้นเหยียบเป็นเรือข้ามแม่น้ำไปได้ ชาวบ้านที่เห็นก็พากันเลื่อมใส

พระปรัชญาตาระเถระเป็นพระมหาเถระที่เชี่ยวชาญทางพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง วันหนึ่งพระปรัชญาตาระเถระ ได้หยิบลูกแก้วยกขึ้นให้ท่านโพธิธรรมดูเป็นปริศนาธรรม พระโพธิธรรมเห็นแล้วก็บังเกิดความสว่างไสวรู้แจ้งแทงตลอดถึงธรรมที่เคยสงสัยมาทั้งหมด เมื่อบรรลุธรรมแล้วจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ

     พระปรัชญาตาระเถระ เห็นถึงปัญญาบารมีอันสูงล้ำของพระโพธิธรรม จึงได้เรียกประชุมคณะสงฆ์และประกาศว่า

      "พระโพธิธรรม ได้บรรลุธรรมสมบูรณ์ดีแล้ว ฉันจะมอบบาตร จีวร สังฆาฏิ และถ่ายทอดธรรมทั้งหมดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ท่านเป็นพระสังฆปรินายกองค์ที่ ๒๘ ต่อจากฉันไปเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา
     ต่อจากนี้ไป เป็นสิทธิหน้าที่ของท่านที่จะทำให้วิถีธรรมนี้แพร่หลายไปทั่วทุกหนทุกแห่งในโลก และจงเลือกศิษย์ที่บรรลุธรรมตลอดจนมีความรู้ในธรรมที่ มั่นคงดีแล้ว เป็นผู้รับสืบทอด บาตรจีวร สังฆาฏิ และวิถีธรรมตรงนี้อย่างระมัดระวัง อย่าให้ขาดตอนลงไปได้
      ท่านมีบุญญาลักษณะบารมีดีพร้อม และอายุยืนยาวมากกว่าพระสังฆปรินายกองค์ใดๆ หลังจากที่ฉันดับขันธ์ไปแล้วเป็นเวลา ๖๗ ปี แผ่นดินนี้จะเกิดภัยสงครามใหญ่อันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ท่านจึงควรนำวิถีธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เผยแพร่ไปสู่ประเทศจีนเถิด"

โดยอาศัยพระสูตรหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า "ต้าฝั่นเทียนอุ้มผู่เจี้ยอี้จิง"แปลว่า พระสูตรอันกล่าวถึงปัญหาที่ท้าวมหาพรหมทูลถาม มีใจความตอนหนึ่งกล่าวไว้ดังนี้

      สมัยหนึ่ง พระพุทธองค์ประทับอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ พอถึงตอนค่ำท่านท้าวมหาพรหมได้เสด็จมาเข้าเฝ้าถวายดอกบัวเป็นพุทธบูชา แล้วจึงกราบทูลอาราธนาให้ทรงแสดงธรรม

      พระพุทธองค์จึงทรงยกพระหัตถ์ขวาอันบรรจงหยิบดอกบัวชูขึ้นท่ามกลางสันนิบาตนั้น โดยมิได้ตรัสแต่ประการใดแก่หมู่สงฆ์

      ในขณะนั้นปวงเทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายต่างไม่เข้าใจในความหมาย มีเพียงพระมหากัสสปะเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มองพระพุทธองค์ด้วยดวงตาอันเปล่งประกายจำรัส พร้อมกับรอยยิ้มละไม

     ครั้นแล้วพระพุทธองค์ จึงตรัสขึ้นในท่ามกลางที่ประชุมว่า
      "ตถาคตมีธรรมจักษุอันถูก ตรงนิพพาน
     ตถาคตเป็นผู้มีญาณทัศนะอันรู้จบพร้อมในธรรม
     ตถาคตเป็นผู้มีดวงจิตอันหลุดพ้นแล้ว
     ตถาคตเป็นผู้ธำรงสัจจะอันบริสุทธิ์ไม่เคลือบคลุม
     สิ่งใดอันตถาคตเป็น ธรรมใดอันตถาคตรู้
     สิ่งนั้น ธรรมนั้น ตถาคตได้ถ่ายทอด
     ให้แก่มหากัสสปะโดยครบถ้วนบริบูรณ์แล้ว"

      พระมหากัสสปะ ผู้ถึงช่วงเวลาแห่งการตรัสรู้ได้บรรลุธรรมทันที เมื่อพระพุทธองค์ทรงใช้ดอกบัวเป็นประหนึ่ง "กุญแจทองไขประตูใจ" เปิดให้เห็นพุทธจิตธรรมญาณแท้ในตน นี่ก็คือการส่งทอดปัญญาญาณจาก "จิต สู่ จิต" นั่นเอง

     ด้วยเหตุฉะนี้จึงถือว่า พระมหากัสสปะผู้ซึ่งได้รับการแสดงธรรมโปรดโดยวิธี "ชี้ตรงฉับพลัน" และเป็นพระสังฆปรินายกองค์ที่หนึ่ง แห่งพุทธศาสนาในอินเดีย

ลำดับพระสังฆปรินายก
1.พระมหากัสสปะ
2.พระอานนท์
3.พระสัญญวาส
4.พระอุปคุปต์
5.พระทฤตกะ
6.พระนิฆาฏกะ
7.พระวสุมิตร
8.พระพุทธนันที
9.พระพุทธมิตร
10.พระปาลสวะ
11.พระปุณณยส
12.พระอัสวโฆษ
13.พระกปิมาลา
14.พระนาคารชุน
15.พระกาญจเทวะ
16.พระราหุลตา
17.พระสังฆสันที
18.พระสังฆยส
19.พระกุมารกะ
20.พระคยาตะ
21.พระวสุพันธุ
22.พระมนุระ
23.พระยานสะ
24.พระสิงหะ
25.พระสัสสุกะ
26.พระปุณยมิตะ
27.พระปรัชญาติ
28.พระโพธิธรรม

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,444,762 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,381,060 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท5 ก.ย. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม