พระสังกัจจายน์ วัดสังข์กระจาย ธนบุรี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสก ตอกโค๊ต หอยสังข์ ปี 2512 เนื้อทองผสมรมดำ

พระสังกัจจายน์ วัดสังข์กระจาย ธนบุรี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสก ตอกโค๊ต หอยสังข์ ปี 2512 เนื้อทองผสมรมดำ
พระสังกัจจายน์ วัดสังข์กระจาย ธนบุรี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสก ตอกโค๊ต หอยสังข์ ปี 2512 เนื้อทองผสมรมดำพระสังกัจจายน์ วัดสังข์กระจาย ธนบุรี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสก ตอกโค๊ต หอยสังข์ ปี 2512 เนื้อทองผสมรมดำพระสังกัจจายน์ วัดสังข์กระจาย ธนบุรี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีปลุกเสก ตอกโค๊ต หอยสังข์ ปี 2512 เนื้อทองผสมรมดำ
รหัสสินค้า SGJRMSKJ1207
หมวดหมู่ พระเครื่อง จังหวัด กรุงเทพมหานคร
ราคา 3,500.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 20 มิ.ย. 2565
อัพเดทล่าสุด 9 ต.ค. 2568
จำนวน
องค์
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
พระมหากัจจายนะ
พระมหากัจจายนะ (บาลี: มหากจฺจายน, สันสกฤต: มหากาตฺยายน) เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในพระอสีติมหาสาวกของพระโคตมพุทธเจ้า ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในทางผู้อธิบายความย่อให้พิสดาร ในประเทศไทยนอกจากชื่อตามภาษาบาลีแล้ว ยังเป็นที่รู้จักในชื่อ "พระสังกัจจายน์" หรือ "พระสังกระจาย"

พระมหากัจจายนะเกิดในตระกูลพราหมณ์ตระกูลหนึ่งในกรุงอุชเชนี ได้ศึกษพระเวทตามอย่างตระกูลพราหมณ์ทั้งหลาย ท่านเป็นศิษย์ของอสิตดาบสแห่งเขาวินธัย (ผู้ทำนายว่าเจ้าชายสิทธิตถะจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิหรือพระพุทธเจ้าในอนาคต) พระมหากัจจายนะพร้อมด้วยมิตรอีก 7 คนได้อาราธนาพระพุทธเจ้าให้ทรงแสดงธรรมเทศนา และได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในระหว่างฟังธรรมนั้นเอง หลังจากนั้นท่านจึงทูลขออุปสมบทต่อพระพุทธเจ้า และได้เผยแผ่ศาสนาพุทธอยู่ในแคว้นอวันตีจนมีผู้เข้ามาเป็นสาวกในพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก

ความเชื่อในนิกายมหายาน คัมภีร์สัทธรรมปุณฑรีกสูตร บรรพที่ 6 ว่าด้วยการพยากรณ์ กล่าวถึงพุทธพยากรณ์ว่า พระมหากัจจายนะ พระสุภูติ พระมหากัสสปะ และพระมหาโมคคัลลานะ (ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น) หลังจากได้สดับพระสูตรนี้แล้ว จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

ความเข้าใจผิดในพุทธศาสนิกชนชาวไทย
รูปเคารพของพระมหากัจจายนะหรือพระสังกัจจายน์ มักเป็นที่สับสนและเข้าใจผิดในหมู่พุทธศาสนิกชนชาวไทยว่าเป็นองค์เดียวกับพระสังกัจจายน์จีน ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นรูปเคารพของ พระปู้ไต้หลอฮั่น หรือ พระปู้ไต้ (จีน: 布袋; พินอิน: Bùdài) หรือพระโฮไท่ในญี่ปุ่น เป็น 1 ในพระอรหันต์ 18 องค์ และเป็น 1 ใน 7 องค์ของพระนำโชคที่ชาวญี่ปุ่นเคารพนับถือ

พระปู้ไต้ เดิมชื่อ ฉวีคู ถือกำเนิดที่เมืองหมิงโจว เขตเฟิงหัว ในมณฑลเจ้อเจียง ท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงสมัยราชวงศ์เหลียง (พ.ศ.1450-1466) ท่านได้ศึกษาธรรมฝ่ายพุทธศาสนามหายาน ต่อมาจึงบวชเป็นพระภิกษุมีฉายาว่า ฉิ้วฉื่อ และชางทิงฉวี่ มักเห็นรูปของท่านนั่งพุงพลุ้ย ถือกระสอบ หรือ ย่าม ใบหน้ายิ้มแย้มอยู่เสมอ ซึ่งแสดงถึงความมีเมตตากรุณาต่อคนทั่วไปให้พวกเขาได้รับความสุข เท้าทั้งสองอยู่บนพื้น เพราะถือว่าท่านยังไม่ได้สำเร็จมรรคผลชั้นสูงสุด เป็นพระสงฆ์ที่มีอารมณ์ดีและนิสัยดีน่ารัก และได้ชื่อว่าเป็นพระสงฆ์ที่ต้อนรับแขก ท่านชอบแจกขนมให้แก่เด็กๆ

ก่อนมรณภาพ ท่านได้กล่าวบทสวดว่า

彌勒真彌勒,化身千百億,時時示時人,時人自不識
เมตไตรยะ เมตไตรยะที่แท้
จุติลงมาเกิดในโลกเป็นพันล้านองค์
มักปรากฏให้ปวงชนเห็นเสมอ
บางช่วงเวลาคนเหล่านั้นมิได้ระลึกถึงเลย

— ปู้ไต้หลอฮั่น
ท่านจึงได้รับการยกย่องจากพระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนานิกายเซ็น ลัทธิเต๋า และชินโต ว่า ท่านเป็นปางหนึ่งของพระเมตไตรยโพธิสัตว์ลงมากำเนิด และถือว่าท่านเป็นหนึ่งในพระอรหันต์ 18 องค์ ในสมัยพุทธกาล คือ พระอังกิตา หรือ กาลิโก เดิมเป็นชาวอินเดีย ชอบจับงูมีพิษเอาไปปล่อยเพื่อไม่ต้องการให้คนที่สัญจรไปมาเหยียบถูกงูพิษกัด ชาวบ้านจึงเรียกท่านว่า เป็น โพธิ ทั้งพระปู้ไต้ และ อังกิตาเหมือนกันอย่างหนึ่งคือ ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลาและถือย่ามหรือถุงสะพายหลัง

ส่วนพระสังกัจจายน์หรือพระมหากัจจายนะในประเทศไทย รูปจะต่างกันตรงที่ศีรษะมีผมม้วนเป็นก้นหอยคล้ายพระพุทธเจ้า และครองจีวรแบบเถรวาท แต่ก็ยังอ้วนท้วนเหมือนเดิม ส่วนของจีนศีรษะล้าน ครองจีวรแบบจีน


วัดสังข์กระจายวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของถนนอิสรภาพ บนฝั่งเหนือคลองบางกอกใหญ่ ใกล้สะพานเจริญพาศน์ แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร

ประวัติ
ตำแหน่งที่วัดตั้งอยู่นี้แต่เดิมเป็นที่ลุ่มราบ น่าจะเป็นด้วยอยู่ริมคลองน้ำขึ้นท่วมถึงได้ มีต้นไม้ขนาดคนสามคนโอบ เช่น ต้นไทร ต้นตะเคียน ต้นยาง ยืนต้นเคียง ยืนต้นมากมาย ไม่ผิดกับป่าลึกดงร้าง ก่อนสร้างวัดขึ้นใหม่ครั้งกรุงรัตนโกสินทร์ วัดสังข์กระจายเป็นวัดโบราณมาก่อน ได้เคยขุดพบลูกนิมิตหลายลูกฝังอยู่ทางด้านนอกกำแพงแถบเหนือพระอุโบสถ มีข้าราชการตำแหน่งนายสารบบ (ในกรมพระสุรัสวดี) ชื่อนายสังข์ ตั้งบ้านเรือนอยู่บนฝั่งห่างจากปากคลองบางวัวทอง มีจิตศรัทธา ดำริจะสร้างวัด จึงได้ไปปรึกษากับนายพลับ เพื่อขอไม้ซุงมาสักต้นหนึ่ง เมื่อตอนล่องซุงในคลองบางวัวทอง นายสังข์ได้ตั้งสัตยาธิษฐานว่า หากซุงที่ข้าพเจ้าปล่อยให้กระแสน้ำพัดล่องไปตามลำคลองนี้ลอยไปติด ณ ที่ใด ก็จะสร้างวัดขึ้นที่นั้น ซุงได้ลอยมาติดตรงหน้าวิหารในปัจจุบัน จึงได้สร้างวัดที่ตำแหน่งนี้ โดยค่อย ๆ สร้างวัด ค่อยทำค่อยไปตามกำลังทรัพย์และเวลา

ต่อมาเจ้าจอมแว่น ในรัชกาลที่ 1 ได้ส่งข้าหลวงสนิทคนหนึ่งเป็นหญิงชื่อ จ่าย ให้ไปเฝ้าสวนของตนซึ่งมีเนื้อที่ติดกับที่ของนายสังข์ ภายหลังนางสังข์สนิทชอบพอกับหญิงคนนี้ จึงดำริร่วมใจกันที่จะสร้างวัดนี้ต่อไป นางจ่ายถึงกับขันอาสาไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าจอมแว่น เจ้าจอมแว่นได้มอบทุนให้มาจำนวนหนึ่ง เมื่อจะขอพระราชทานวิสุงคามสีมา ผู้สร้างก็เกิดทะเลาะเกี่ยงแย่งกันจะเอาชื่อตนมาเป็นชื่อวัด พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีพระราชดำรัสว่า วัดที่นายสังข์ นางจ่ายสร้างขึ้นนั้น ไม่สมเกียรติกับพระสนมเอกเช่นเจ้าจอมแว่น ทรงรับจะสร้างพระราชทานใหม่ ยังโปรดเกล้าให้กรมหมื่นไกรสรวิชิตมาเป็นนายงานควบคุมสร้างพระอุโบสถขึ้น พร้อมกับได้สร้างกุฏิขึ้นใหม่

เมื่อแรกขุดพระอุโบสถนั้น พบพระกัจจายน์หนึ่งองค์ กับสังข์หนึ่งตัว เฉพาะสังข์ชำรุดเพราะแรงจอบเสียมที่ขุด ส่วนพระกัจจายน์ได้เก็บรักษาคู่อาราม พอสร้างสำเร็จเรียบร้อย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงพระราชทานนามว่า วัดสังข์กระจาย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงปฏิสังขรณ์วัด

วัดสังข์กระจายเป็นสำนักที่ให้กำเนิดวรรณคดี เช่น มหาเวสสันดรชาดกกัณฑ์ชูชก กล่าว่า สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส เมื่อทรงนิพนธ์มหาเวสสันดรชาดก ได้ทรงนิพนธ์กัณฑ์อื่น ๆ ใหม่เป็นส่วนมาก แต่กัณฑ์ชูชกไม่ทรงนิพนธ์ โดยรับสั่งว่าให้ใช้ของเก่าที่สำนักวัดสังข์กระจายแต่งไว้

ปูชนียวัตถุ
พระอุโบสถขนาดย่อม ประดับช่อฟ้าใบระกา หน้าบันมีรูปเทพแกะสลักไม้นั่งบนดอกบัว ล้อมด้วยลายก้านขดปิดทอง ซุ้มประตูและซุ้มหน้าต่างเป็นปูนปั้นแบบหน้าบันประดับกระจกปิดทองมีเครื่อง ดินเผาปน มีหลังคาลด 2 ชั้น มุงกระเบื้องดินเผา ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง รูปเทวดายืนประนมมือบนแท่น มีพญาวานรแบกภาพเขียนสีที่ผนังทั้ง 4 ด้าน ด้านหน้าพระประธาน เป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญ และหุ้มกลองด้านหลังพระประธาน เป็นภาพพุทธประวัติตอนเปิดโลก ผนังด้านขวาเป็นภาพเวสสันดรชาดก ด้านซ้ายเป็นภาพพุทธประวัติ ชั้นบนของผนังทั้งสองด้าน เป็นภาพเทพชุมนุม พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทองปางมารวิชัย หน้าตักกว้างประมาณ 4 ศอก บนชุกชีหน้าพระประธานมีพระอัครสาวกทั้งขวาและซ้าย

กำแพงแก้ว มีประตูเข้าออก 4 ด้าน ซุ้มประตูเป็นแบบรัชกาลที่ 3 ตรงประตูด้านหน้าพระอุโบสถนอกกำแพงแก้วมีตุ๊กตาหินสีเขียว เป็นรูปหมูข้างละตัว ภายในกำแพงแก้วมีตุ๊กตาหินชนิดเดียวกันที่เชิงบันไดหน้าพระอุโบสถมีตุ๊กตาจีนข้างละ 2 ตัว และที่เชิงบันไดหลังพระอุโบสถอีกข้างละตัว ด้านนอกอุโบสถมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง

พระวิหารหลวงพ่อกัจจายน์ มีพระพุทธรูปทั้งยืนและนั่งรวมด้วยกัน 24 องค์ หลวงพ่อกัจจายน์ องค์ที่ขุดได้เมื่อคราวสร้างวัด เดิมประดิษฐานไว้ที่พระวิหาร แต่เมื่อมีคนร้ายขโมยหลวงพ่อกัจจายน์ ไป แต่นับว่าโชคดีที่ได้กลับมาคืน จึงได้หล่อองค์จำลองขึ้นใหม่ประดิษฐานแทนไว้ในพระวิหาร

รายนามเจ้าอาวาส
พระเทพมุนี (ด้วง)
พระเนกขัมมุนี (แสง)
พระสังวรวิมล (มา)
พระปรากรมมุนี (นวล)
พระอริยศีลาจารย์ (เอี่ยม)
พระอริยศีลาจารย์ (แสง)
พระอริยศีลาจารย์ (วรรณ)
พระราชศีลาจาร (เกษม พฺรหฺมสิริ)
พระพิศาลพิพัฒนพิธาน (อรุณ อริยวํโส)
ข้อมูลวิกิพีเดีย

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,557,596 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,493,894 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท22 ต.ค. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม