หลวงพ่อหวล วัดพิกุล บางเชือกหนัง เกจิดังฝั่งธนฯ
ศิษย์หลวงพ่อปาน สุดยอดตำนานยันต์เกราะเพชร
หลวงพ่อหวล วัดพิกุล อดีตเกจิดังฝั่งธนบุรี เขตภาษีเจริญ ร่วมสมัยกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อโชติ วัดตะโน หลวงพ่อแช่ม วัดนวลนรดิศ ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เป็นศิษย์ยุคต้น รุ่นพี่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเป็นพระเงียบๆ สมถะ สันโดษมาก แต่คนพื้นที่รู้จักกันดี เพราะพระทุกรุ่นที่ท่านปลุกเสกแจกจ่ายให้ฟรี ล้วนมีประสบการณ์ทุกรุ่น แม้กระทั่งรูปถ่ายเลี่ยมพลาสติกธรรมดาของท่าน เด่นด้าน แคล้วคลาด เมตตา คงกะพัน อย่างยิ่ง
ท่านเกิดเมื่อวันที่ 15เมษายน 2451 วันพุธ ปีวอก ต.หลักเมือง อ.ภาษีเจริญ ธนบุรี เมื่ออายุ25ปี ได้อุปสมบท ณ วัดรางบัว มีพระพุทธพยากรณ์ เป็นอุปัชฌาย์ หลวงพ่อพึ่ง วัดรางบัว เป็นกรรมวาจาจารย์ พระอธิการหนู วัดนิมมานรดี เป็นอนุสาวนาจารย์ อยู่ศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่อพึ่ง ซึ่งเป็นเกจิดังยุคนั้น 3 พรรษา แล้วไปศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณและวิชาต่างๆกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา ด้วยความวิริยะอุสาหะหลวงพ่อได้ศึกษาวิชาจนสำเร็จมีความเชี่ยวชาญ และกลับมารักษามารดาของท่านที่ป่วยจนหาย ในช่วงนี้ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์บางระมาด กับหลวงปู่นวล(พระครูโพธิสารคุณ) และได้พบกับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ได้ศึกวิชาต่างๆที่วัดนี้ด้วย หลวงพ่อจงมาหาหลวงปู่นวลเสอมท่านเป็นสหายธรรม.
กล่าวสำหรับหลวงพ่อนวล วัดโพธิ์บางระมาด เปนเกจิอาจารย์ดังองค์หนึ่งในย่านตลิ่งชัน ที่ไปเรียนวิชายันต์เกราะเพชร จากหลวงพ่อปานมาด้วยกันกับหลวงพ่อหวช สมัยหนึ่งยันต์เกราะเพชรของวัดโพธิ์กับวัดพิกุลจึงแทบจะแยกกันไม่ออก…เล่ากันอีกว่าเมื่อบวชมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว หลวงพ่อหวลกับหลวงพ่อนวลก็ไปลาหลวงพ่อปานว่าจะออกธุดงค์กัน หลวงพ่อปานก็ทำนายไว้ว่า “ไปสองจะกลับมาแค่หนึ่ง” ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น เพราะหลวงพ่อนวลมรณภาพระหว่างออกธุดงค์
หลวงพ่อหวลจำพรรษาอยู่วัดโพธิ 9 พรรษา จนถึงพ.ศ.2487พระมหาโพธิวงศาจารย์(สาลี)วัดอนงคารามเจ้าคณะจังหวัดธนบุรีและชาวบ้านร่วมกันขอให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดพิกุล หลังจากรับตำแหน่งแล้วท่านใด้พัฒนาวัดพิกุลให้เจริญเป็นอันมาก เช่น สร้วงโรงเรียนประชาบาล สร้างพระอุโบสถ ศาลาการเปรียน กุฏิ หอระฆัง สร้าง ถนน สะพาน เมรุ ฯลฯ
คนในตลิ่งชันศรัทธาหลวงพ่อหวลมาก เพราะในอีกด้านหนึ่งนั้น ท่านเป็นพระหมอด้วย ค่าครูสลึงเดียว รักษาพวกกระดูกแตก กระดูกหัก ผีเข้าสิง เจ็บไข้ ตอนรักษาก็ให้มาจดชื่อ เขียนวันเดือนปีเกิด แล้วก็ไล่กลับบ้าน แต่ใครไปกะเกณฑ์ท่านไม่ได้ อย่างถ้าท่านขึ้นทำโบสถ์ใหม่ มีคนมาหา ชักดิ้นชักงออยู่ที่ลานวัด ท่านก็ไม่ลงจนกว่าจะได้เวลาของท่าน
ปีพ.ศ.2518 ท่านเริ่มป่วยด้วยท่านปฏิบัติพระกัมมัฏฐานและรักษาสีลาจารวัตรเคร่งครัดไม่ยอมไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลและไม่หยุดพักงานต่างๆ ถึงพ.ศ.2522 เสมือนท่านรู้ล่วงหน้าได้สั่งเสียการงานต่างๆกับศิษย์ แล้วเวลา 08.05 น.วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2522 ท่านก็จากไปอย่างสงบ
วัตถุมงคลที่ท่านสร้างไวัคือ พระสมเด็จเนื้อผงรุ่นแรกพ.ศ.๒๔๙๖ รุ่น2 พ.ศ.๒๕๐๐ รุ่น3 พ.ศ ๒๕๐๖ รุ่น4 พ.ศ. ๒๕๑๓-๒๕๑๔ เหรียญรุ่นแรก(หลวงพ่อนวล-หลวงพ่อหวล) พ.ศ.๒๕๐๒ รุ่น2 พ.ศ.๒๕๐๕ รุ่น3 พ.ศ. ๒๕๑๗ รูปหล่อโบราณพ.ศ.๒๕๑๕ ไม่เกิน 100 องค์ พระบูชารุ่นแรก ปี2517 พระกริ่งนวการโกศลพ.ศ.๒๕๑๘ ทองคำ 4 องค์ เงิน 9 องค์ นวโลหะไม่เกิน 500 องค์ รูปเหมือน5นิ้วพ.ศ.๒๕๒๒ 500 องค์
ทั้งนี้ ผู้รู้บางท่านระบุว่า พระเครื่องของหลวงพ่อหวลบางชนิดสร้างร่วมกับหลวงพ่อนวล วัดโพธิ์บางระมาด และหลวงพ่อบุญมาก ศิษย์เอกของท่าน ผู้สืบทอดตำนานยันต์เกราะเพชรอีกองค์
ประสบการณ์พระเครื่องของท่าน ชาวบางเชือกหนัง,วัดไก่เตี้ย ซอยพาณิชย์ธนฯรู้กันทุกคนว่า "เหนียว แคล้วคลาดและ กันผี ชะงัดนัก!!! ด้านเมตตาค้าขายก็ใช้ได้เลย
วัดพิกุลสร้างราว พ.ศ. 2323 ปลายสมัยธนบุรี ไม่ทราบนามผู้สร้าง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2517 ก่อนปี พ.ศ. 2487 มีภิกษุจำพรรษาอยู่ 2 รูป มีอุโบสถและกุฏิไม้ริมคลองอย่างละหลัง ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ สะพานข้ามคลองก็ไม่มี ต่อมาหลวงพ่อหวลได้มาจำพรรษา ณ วัดแห่งนี้ ท่านได้สร้างสะพานไม่ไผ่เล็ก ๆ ขึ้น จากนั้นราว พ.ศ. 2497 ได้สร้างศาลาท่าน้ำ กุฏิ ต่อมาสร้างศาลาการเปรียญ ศาลาท่าน้ำหลังที่ 2 และมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทเมื่อ พ.ศ. 2499
ทางวัดจัดให้มีการสอนพระปริยัติธรรมซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2497 และยังได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติมทางด้านทิศตะวันตกของวัด มีเนื้อที่ 4 ไร่ 26 ตารางวา เพื่อสร้างโรงเรียนวัดพิกุลเมื่อ พ.ศ. 2508 สอนระดับประถมศึกษา (ปัจจุบันสังกัดกรุงเทพมหานคร)
อาคารเสนาสนะ
อุโบสถสร้างราว พ.ศ. 2514–2517 มีหน้าบันด้านหน้าตอนบนเป็นพระพุทธรูปประทับยืนอุ้มบาตรอยู่ในซุ้ม ขนาบข้างด้วยเทวดาถือฉัตร ตอนล่างเป็นพุทธประวัติตอนปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ หน้าบันด้านหลังตอนบนเหมือนด้านหน้า ตอนล่างเป็นพุทธประวัติตอนออกมหาภิเนษกรมณ์ (ตัดพระเมาลี) วัดพิกุลมีโครงการยกอุโบสถขึ้นเพื่อให้พ้นจากระดับน้ำที่มักท่วมอยู่เสมอ เพื่อหารายได้ใช้จ่ายในการปฏิสังขรณ์ จึงเปิดให้พุทธศาสนิกชนลอดใต้อุโบสถตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2548 อุโบสถหลังเก่าหันออกสู่คลอง ก่อปูนผนังหน้าหลังขึ้นไปจดอกไก่ แต่ก็ถูกต่อเติมจนผิดรูปไป ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปจำลองจากพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เช่น หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดบ้านแหลม
อาคารเสนาสนะอื่น ๆ ได้แก่ มณฑปพระพุทธบาทสร้างในสมัยหลวงพ่อหวล (อดีตเจ้าอาวาส) กุฏิเก่าของหลวงพ่อหวล ศาลาการเปรียญสร้างเมื่อ พ.ศ. 2492 หอสวดมนต์สร้างเมื่อ พ.ศ. 2497 หอระฆัง-หอกลอง มีกลองอยู่ชั้นล่าง มีระฆังอยู่ชั้นบน หน้าบันประดับถ้วยชาม นอกจากนั้นภายในวัดยังมีพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ปางต่าง ๆ กว่า 10 องค์
รายนามเจ้าอาวาส
พระอาจารย์ผิว
พระจารย์ใหญ่
พระครูนวการโกศล (หลวงพ่อหวล หาริโต) พ.ศ. 2487–2522
พระสมห์ชาญ อินทปญฺโญ พ.ศ. 2522-2532
พระครูมงคลวุฒิสาร (หลวงปู่ผิว ปาสาทิโก) พ.ศ. 2532-2548
พระครูสังฆรักษ์ไสว จิตปาโล (รักษาการ) พ.ศ. 2548
พระมหานิพนธ์ จิตฺตวุฑ์โฒ
งานประเพณี
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2548 เป็นต้นมา วัดได้เปิดให้ลอดใต้อุโบสถ และวัดมีงานประจำปีในช่วงตรุษจีน เป็นเวลา 5 วัน โดยนับจากวันจ่ายเป็นวันแรก
ข้อมูลวิกิพีเดีย