การสร้างพระพิมพืดินดิบตามลัทธิมหายานนี้ จะมีการนำเถ้าอัฐิของพระสงฆ์เถระที่มรณภาพแล้ว มาป่นคลุกเคล้ากับดิน แล้วพิมพ์เป็นพระพุทธรูป หรือพระโพธิสัตว์ ไว้เป็นมรมัตถประโยชน์ของผู้มรณภาพ และจะไม่ทำการเผาพระพิมพ์อีก เนื่องจากได้เผาอัฐิมาแล้วครั้งหนึ่ง หากเผาอีกจึงเท่ากับเป็นการตายครั้งที่ ๒ นั้นเอง
พระพิมพ์ดินดิบนี้มีการค้นพบตามถ้ำต่างๆ แต่จะไม่มีการค้นพบแถบตอนใต้ หรือเกาะสุมาตรา อันเป็นที่ตั้งของเมืองปาเล็มบังแต่ประการใด นอกจากตอนเหนือของแหลมมลายู
เมื่อราวปี พ.ศ. ๒๕๓๓ ชาวบ้านได้ขุดค้นหาลูกปัด และได้พบพระพิมพ์ขึ้นมาด้วย โดยมีลักษณะเป็นทรงกลม ด้านหน้าจะบุ๋มลงไปจากขอบพระ และปรากฏเป็นรูปองค์พระ และรายละเอียดต่างๆ ส่วนด้านหลังจะอูมนูน อันเป็นลักษณะที่คล้ายกับเม็ดกระดุมเสื้อสตรีเป็นอันมาก เพียงแต่กลับด้านกันเท่านั้น จึงเป็นจุดที่ใช้ในการเรียกขานพิมพ์ทรง หากแต่บางท่านก็เรียก ‘พระซุ้มศรีวิชัย’ ด้วยเหตุที่ขอบด้านหน้าอันเป็นส่วนคล้ายขอบซุ้ม
ก่อนหน้านี้ในราวปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้มีการค้นพบพระพิมพ์เนื้อดินทรงกลมครึ่งซีก แต่ไม่มากนักประมาณไม่เกิน ๑๐๐ องค์ ที่บริเวณเนินจอมปลวก บริเวณบ้านของนางอารีย์ เรืองเจริญ ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ของวัดเขาศรีวิชัย ตำบลเขาศรีวิชัย อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
พระพิมพ์เม็ดกระดุมที่ค้นพบเมื่อราวเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ นี้ บริเวณวัดเขาศรีวิชัยเช่นเดียวกับที่พบเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ชาวบ้านขุดพบมีด้วยกัน ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์ต้อ และพิมพ์ชะลูด
๑. พิมพ์ต้อ ด้านหน้าเป็นรูปองค์พระประทับปางสมาธินูนเด่นขึ้นมาจากพื้น องค์พระลักษณะป้อมต้อคล้ายรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระพักตร์ (หน้า) ค่อนข้างจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมมนๆ พระนลาฎ (หน้าผาก) กว้าง พระเกศแบนเตี้ย ไรพระศก (ไรผม) เป็นติ่งแบนเล็กๆ เห็นพระกรรณ (หู) เป็นเส้นยาวลงจดพระอังสา (บ่า) ล้อมรอบพระเศียรด้วยเส้นประภามณฑล พระบาทขวาประทับบนพระบาทซ้าย อานสะเป็นบัวสองชั้น ชั้นบนเป็นบัวบาน ๗ กลีบ ชั้นล่างเป็นบัว ๓ กลีบ พื้นจะปรากฏอักษรปัลลวะ ภาษาสันสฤกต ขนาดองค์พระมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๒ เซนติเมตร เนื้อมีลักษณะแกร่งมีสีแดงอิฐ สีพิกุล สีมอย สีขาวหม่น
๒. พิมพ์ชะลูด ด้านหน้าเป็นองค์พระประทับนั่งสมาธิ ลักษณะองค์พระนูนชะลูด พระพักตร์ (หน้า) อูมค่อนข้างกลม พระกรรณ (หู) ยาวจดพระอังสา (บ่า) พระพักตร์ (หน้า) จะยาวกว่าพิมพ์ต้อ ไรพระศกเป็นเม็ดกลม ล้อมรอบพระเศียรด้วยประภามณฑล รายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าอาสนะ หรืออักษรปัลลวะ เหมือนพิมพ์ต้อ
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวปี พ.ศ. ๑๓๐๐-๑๖๐๐ หากพิจารณารูปทรงทางศิลปะแล้ว น่าเชื่อว่ามีศิลปะทวารวดีปนอยู่ อันแสดงได้ว่า เป็นการสร้างในยุคแรกๆ ที่ศิลปะทวารวดียังคงมีอิทธิพลอยู่
ด้านหลังของทั้งสองพิมพ์ หลังเรียบและอูมนูน

