พญาเต่าเลือน หลวงปู่หลิว ปณฺณโก ออกวัดหนองอ้อ จ.ราชบุรี เนื้อเขี้ยวหมูตัน รุ่นแซยิด 95 ปี 2542 ขนาด 1.7 x 2.5 ซม. สร้างน้อย หายาก

พญาเต่าเลือน หลวงปู่หลิว ปณฺณโก ออกวัดหนองอ้อ จ.ราชบุรี เนื้อเขี้ยวหมูตัน รุ่นแซยิด 95 ปี 2542 ขนาด 1.7 x 2.5 ซม. สร้างน้อย หายาก
พญาเต่าเลือน หลวงปู่หลิว ปณฺณโก ออกวัดหนองอ้อ จ.ราชบุรี เนื้อเขี้ยวหมูตัน รุ่นแซยิด 95 ปี 2542 ขนาด 1.7 x 2.5 ซม. สร้างน้อย หายากพญาเต่าเลือน หลวงปู่หลิว ปณฺณโก ออกวัดหนองอ้อ จ.ราชบุรี เนื้อเขี้ยวหมูตัน รุ่นแซยิด 95 ปี 2542 ขนาด 1.7 x 2.5 ซม. สร้างน้อย หายาก
รหัสสินค้า NOAIV4201
หมวดหมู่ 33. พระเครื่อง จังหวัด ราชบุรี
ราคา 3,800.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 7 ธ.ค. 2563
อัพเดทล่าสุด 27 ต.ค. 2568
จำนวน
องค์
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง พื้นเพท่านเป็นชาว ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี บ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดหนองอ้อ มีนามเดิมว่า "หลิว แซ่ตั้ง" โยมบิดาชื่อคุณพ่อเต่ง แซ่ตั้ง โยมมารดาชื่อคุณแม่น้อย แซ่ตั้ง ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๘ 

         โดยในอดีตมีโจรผู้ร้ายชุกชุม มักเข้ามาจี้ปล้นเอาทรัพย์สินชาวบ้านและของครอบครัวที่หามาอย่างยากลำบาก ด้วยความโกธรหลวงปู่หลิวจึงได้ออกไปหาครูบาอาจารย์ผู้มีวิชาอาคม เพื่อนำมาปราบโจรผู้ร้าย โดยจะยึดว่า ไม่ใช้วิชาจนกว่าจะถูกผู้อื่นทำรังแกทำร้ายอย่างถึงที่สุด

         ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ หลวงปู่หลิว ท่านมีอายุได้ ๒๗ ปี ท่านจึงตัดสินใจเข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดโบสถ์ ตำบลบ้านเลือก อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ได้รับฉายาว่า "ปณฺณโก" โดยมี

         หลวงพ่อแหยม วัดบ้านเลือก เป็นพระอุปัชฌาย์ 

         หลวงพ่ออินทร์ วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

         หลวงพ่อย่น วัดบ้านฆ้อง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

         หลังอุปสมบท ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดหนองอ้อ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เพื่อร่ำเรียนวิชาและศึกษาพระธรรมวินัยจนแตกฉาน

         ต่อมาท่านเริ่มสนใจในวิชาอาคม ท่านจึงได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อย่น วัดบ้านฆ้อง หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ จังหวัดเพชรบุรี พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช และหลวงพ่ออุ้ม จังหวัดนครสวรรค์ และเกจิอาจารย์อื่นมากมาย 

         ใครเก่งกว่าท่านท่านขอเรียนวิชาทั้งหมด เพื่อเล่าเรียนทางพระปริยัติธรรม ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน วิชาอาคมต่างๆ จนเข้มขลัง

          ต่อมาท่านได้เริ่มช่วยก่อสร้างเสนาสนะและบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆ ทั้งวัดท่าเสา จังหวัดสุพรรณบุรี วัดไร่แตงทอง จังหวัดนครปฐม วัดสนามแย้ และวัดไทรทอง จังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น รวมทั้งงานด้านสาธารณสุขและการศึกษาอีกด้วย

         ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ พระอธิการเกลื่อน วัดสนามแย้ได้ลาสิกขา ชาวบ้านจึงได้นิมนต์หลวงปู่หลิว ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง

         วัดสนามแย้ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๕ โดยตั้งอยู่บนพื้นที่บ้านสนามแย้ ตำบลสนามแย้ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี มีเนื้อที่ประมาณ ๒๕ ไร่

         โดยสมัยนั้นมีกำนันโพล้ง รุ่งเรือง พร้อมด้วยชาวบ้านสนามแย้ มีศรัทธาที่จะสร้างวัดขึ้นในตำบลสนามแย้ จึงพร้อมด้วยชาวบ้านบริจาคที่ดินสร้างเป็นสำนักสงฆ์ขึ้น 

         โดยมีพระอธิการดำ เป็นเจ้าวาสองค์แรกปกครองสำนักสงฆ์ ต่อมาสำนักสงฆ์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นวัดที่ถูกต้องตามกฏหมายเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๘ โดยชื่อวัดได้ตั้งตามชื่อของตำบลคือสนามแย้ 

         ต่อมาพระอธิการดำได้ลาสิกขาไป โดยมีพระอธิการอ๋อเป็นเจ้าอาวาสแทนได้ทำการสร้างวัดเพิ่มเติมขึ้นมาเรื่อยๆ หลังจากพระอธิการอ๋อลาสิกขาไปแล้ว 

         ก็มีพระอธิการเจ๊กมารับหน้าที่แทน อยู่มาได้ระยะหนึ่งพระอธิการเจ๊กพร้อมด้วยชาวบ้านได้สร้างอุโบสถขึ้นมาและได้ขอวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๐ และทำการปิดทองฝังลูกนิมิตรเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๑ อยู่มาระยะหนึ่งท่านได้ลาสิกขาไป โดยมีพระอธิการเกลื่อนมารับหน้าที่แทนและได้ลาสิกขาไป 

         เมื่อหลวงปู่หลิวได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ท่านก็ได้พัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถทั้งการสร้างเสนาสนะต่างๆ และถาวรวัตถุต่างๆภายในวัด จนวัดเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นอย่างมาก

         ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ หลวงปู่หลิว ท่านได้ปฏิสังขรณ์อุโบสถที่ถูกลมพัดล้มลง โดยสร้างเป็นแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคามุงกระเบื้อง ทดแทนหลังเดิมที่เป็นไม้ทั้งหลัง นอกจากนั้นยังได้สร้างกุฎิและถาวรวัตถุไว้มากมาย 

         ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ หลวงปู่หลิว ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดไทรทอง ตำบลจรเข้เผือก อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อช่วยชาวบ้านไทรทองบูรณะวัด 

         ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ หลังจากที่หลวงปู่ย้ายไปสร้างวัดไทรทองได้ ๒ ปี ชาวบ้านสนามแย้ เห็นว่าหลวงปู่ท่านไม่กลับมาแล้ว จึงพร้อมใจกันไปนิมนต์พระครูจันทกาญจนโชติ วัดตะคร้ำเอน มารับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสทดแทนตำแหน่งที่วางลง

         วัดไทรทองพัฒนา  ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งตั้งอยู่ที่ บ้านไทรทอง หมู่ที่ ๕ ตำบลจรเข้เผือก อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี มีเนื้อที่ประมาณ ๓๕ ไร่เศษ 

         วัดไทรทอง เดิมมีชื่อว่า วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม ต่อมาเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า วัดใหม่ไทรทอง และมาทำการเปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้งว่า วัดไทรทองพัฒนา จนถึงปัจจุบัน

         วัดไทรทองพัฒนาเป็นวัดเก่า สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ ๒๔๘๒ โดยมีนายสู่เซ้น ตั้งสุขสันต์ เป็นผู้บริจาคที่ดินจำนวน ๑๙ ไร่เศษ วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๔

         เมื่อหลวงปู่หลิว ได้ย้ายมาทำหน้าที่ดูแลอุปถัมป์วัดไทรทอง ท่านได้ดำเนินการก่อสร้างอาคาร เสนาสนะต่างๆ จนมีหลักฐานมั่นคง โดยที่หลวงปู่ใช้เวลาในการสร้างยาวนานถึง ๕ ปี 

         ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ หลวงปู่หลิวได้พัฒนาวัดจนแล้วเสร็จ ท่านจึงได้จำพรรษาอยู่ที่วัดไทรทองพัฒนา เรื่อยมา 

         ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ หลวงปู่หลิว ท่านได้รับถวายที่ดิน เพื่อสร้างวัดจากชาวบ้านในพื้นที่ตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ไร่ที่ชาวบ้านไว้ทำการเกษตร

         ท่านจึงได้เริ่มสร้างวัดขึ้นโดยในช่วงแรกนั้นได้ทำการจัดตั้งสำนักสงฆ์ขึ้น การดำเนินการสร้างวัดเป็นไปด้วยความล่าช้าในช่วงแรกๆ ด้วยเพราะชาวบ้านในพื้นที่มีอาชีพทำไร่ทำนา ทำให้ไม่ได้มีปัจจัยในการจัดสร้างวัดมากนัก

         ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ หลังจากและเมื่อวัดแล้วเสร็จ ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันนิมนต์ท่านขึ้นเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัด

         วัดไร่แตงทอง เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม วัดสร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ โดยเริ่มแรกเป็นเพียงสำนักสงฆ์

         ต่อมาเมื่อสร้างวัดเสร็จในราวปี พ.ศ. ๒๕๓๑ จึงตั้งชื่อวัดว่า วัดใหม่ไร่แตงทอง ตามพื้นที่เดิมของวัดที่เป็นไร่แตงมาก่อน 

         ต่อมาทางวัดได้จัดสร้างพระอุโบสถจนแล้วเสร็จ หลวงปู่หลิวจึงได้ทำเรื่องกับทางกรมพระพุทธศาสนาขอจัดตั้งเป็นวัดอย่างถูกต้องตามกฏหมาย เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยเปลี่ยนชื่อให้สั่นลงวัดว่า วัดไร่แตงทอง 

         วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ถือเป็นวัดแห่งแรกที่สร้างขึ้นจากที่ดินเปล่าโดยมือของหลวงปู่หลิว พระเกจิดังของจังหวัดกาญจนบุรีในสมัยนั้น

         ในระหว่างที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสและอยู่จำพรรษาที่วัดไร่แตงทองนั้น ชื่อเสียงของท่านได้ขจรขจายไปอย่างกว้างขว้าง ด้วยเพราะลูกศิษย์ลูกหาที่เช่าบูชาวัตถุมงคลของท่านไปนั้นล้วนมีประสบการณ์มากมาย

         ซึ่งวัตถุมงคลของท่านนั้นจะโด่งดังในเรื่องของโชคลาภค้าขายเหล่าพ่อค้าแม่ขายต่างๆจึงนิยมห้อยเหรียญพญาเต่าเรือนของท่านเป็นอย่างมาก

         นอกจากนี้เหรียญของท่านยังประสบการณ์ด้านคล้าดแคล้ว คงกระพัน จึงเป็นที่นิยมเสาะหาของประชาชนที่เคารพเลื่อมใสในตัวหลวงปู่จนเป็นหนึ่งในวัตถุมงคลชื่อดังของนครปฐมไปในที่สุด 

         ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ขณะที่หลวงปู่หลิวอายุ ๙๒ ปี ท่านได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไร่แตงทอง แล้วขอย้ายกลับมาจำพรรษยังวัดหนองอ้อ ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ในฐานะพระลูกวัด 

         โดยท่านปรารภว่า "อาตมาไปสร้างบุญกุศลที่อื่นมามากแล้ว ที่บ้านเกิดยังไม่ได้ทำอะไรเลย จึงจะกลับมาช่วยบูรณปฏิสังขรณ์ และประการสุดท้าย อาตมาจะขอมาตายที่นี่ เพราะเกิดที่นี่ ก็ต้องตายที่นี่"

         หลวงปู่หลิว อยู่จำพรรษาที่วัดหนองอ้อ เรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ท่านเริ่มอาพาธด้วยโรคชรา กระทั่งเวลา ๒๐.๓๕ น. ของวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๓ ท่านจึงได้ละสังขารอย่างสงบ นับรวมสิริอายุได้ ๙๕ ปี ๖๘ พรรษา.

วัตถุมงคลของหลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง

         เหรียญพญาเต่าเรือนหลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง รุ่นแรก(ออกวัดสนามแย้)

         สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์บูรณะวัดสนามแย้ กาญจนบุรี ลักษณะเป็นเหรียญรูปเต่า มี ๔ ขา ปลายหัวด้านบนมีหู ในวงการมีการแยกเป็นพิมพ์ตัวผู้และพิมพ์ตัวเมีย โดนให้สังเกตุที่ด้านหลังก้นเหรียญทั้ง ๒ ข้างจะมีเนื้อโลหะยื่นออกมานิดหนึ่งเรียกว่าตัวผู้ ส่วนพิมพ์ที่เป็นตัวเมียจะตัดเรียบกว่าไม่มีเนื้อยื่น มีการสร้างด้วยเนื้อนวโลหะจำนวน ๓๘๐ เหรียญ และสร้างด้วยเนื้อทองแดงจำนวน ๑๒,๐๐๐ เหรียญ


วัดหนองอ้อ ตั้งอยู่เลขที่ 102 บ้านหนองอ้อ หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ 32 ไร่ 40 ตารางวา มีที่ธรณีสงฆ์ จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 27 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา โฉนดที่ดิน เลขที่ 630 อาคารเสนาสนะ ประกอบด้วย อุโบสถ กว้าง 12 เมตร ยาว 26 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2535 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น ทรงไทยโบราณ หอสวดมนต์ กว้าง 16 เมตร ยาว 38 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2526 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กทรงไทยโบราณ กุฏิสงฆ์ จำนวน 4 หลัง เป็นอาคารไม้ 2 หลัง ครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 หลัง วิหาร กว้าง 8 เมตร ยาว 10.50 เมตร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สร้างเมื่อ พ.ศ. 2535 ศาลาอเนกประสงค์ กว้าง 12 เมตร ยาว 24 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2523 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ศาลาบำเพ็ญกุศล จำนวน 3 หลัง สร้างด้วยคอนกรีต เสริมเหล็ก ปูชนียวัตถุ มีพระประธานประจำอุโบสถ 1 องค์ พร้อมพระอัครสาวก วัดหนองอ้อ ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2401 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2538 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 29 เมตร ยาว 65 เมตร การบริหารและการปกครอง มีเจ้าอาวาส เท่าที่ทราบนาม คือ รูปที่ 1 พระไทย รูปที่ 2 พระเจ้ย รูปที่ 3 พระเอียน รูปที่ 4 พระบัวเชี้ยง พ.ศ. 2524 - 2532 รูปที่ 5 พระครูสุนทรพิพิธการ พ.ศ. 2533- ปัจจุบัน

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,599,704 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,536,002 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท7 พ.ย. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม