ประวัติ
วัดพระสิงห์ เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในจังหวัดเชียงราย ไม่ปรากฏประวัติการสร้าง
ชินกาลมาลีปกรณ์ กล่าวว่า ท้าวมหาพรหม เจ้าเมืองเชียงราย อนุชาของพญากือนา อัญเชิญพระสีหลปฏิมาจากกำแพงเพชรมายังเมืองเชียงใหม่ เมื่อพญากือนาปรารภจะสร้างซุ้มจระนำขึ้นใหม่ให้เป็นที่ประดิษฐานของพระสีหลปฏิมา ท้าวมหาพรหมจึงอัญเชิญพระสีหลปฏิมาไปยังเมืองเชียงราย เพื่อนำมาเป็นแบบสร้างอีกองค์หนึ่งด้วยทองสำริดให้เหมือนองค์ต้นแบบ ทำการหล่อและสวดเบิกที่เกาะดอนแท่น เมืองเชียงแสน แล้วอัญเชิญมาประดิษฐานในวิหารหลวงเมืองเชียงราย คือวัดพระสิงห์ในปัจจุบัน เมื่อพญากือนาสวรรคต พญาแสนเมืองมา โอรสได้ขึ้นครองราชย์สืบแทน ท้าวมหาพรหมไม่พอใจจึงยกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่แต่ไม่สำเร็จ ภายหลังพญาแสนเมืองมานำกองทัพสู้รบจับท้าวมหาพรหมได้ แล้วอัญเชิญพระสีหลปฏิมามายังเมืองเชียงใหม่
วัดพระสิงห์คงมีสถานะเป็นวัดสำคัญมาตลอดทุกสมัย ช่วงสงครามขับไล่พม่าออกจากล้านนาทำให้เมืองเชียงรายกลายเป็นเมืองร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2347 จนเมื่อฟื้นฟูเมืองเชียงราย พ.ศ. 2386 จึงมีการบูรณะวัดสำคัญต่างๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามจำนวนไพร่พลและสถานะทางสังคมยุคนั้น
พ.ศ. 2433 มีการสร้างวิหารวัดพระสิงห์ขึ้นใหม่ สันนิษฐานว่าสร้างบนฐานเดิมของวิหารในยุคล้านนา ซึ่งมีรูปแบบและสถาปัตยกรรมคล้ายกับวิหารของวัดงามเมือง (หลังเก่า) และวัดพระแก้ว สันนิษฐานว่าช่างผู้ออกแบบและก่อสร้างคือช่างคณะเดียวกัน จดหมายเหตุเมืองเชียงราย ยุคฟื้นฟูเมืองเชียงรายกล่าวว่า
"เดือน 8 ขึ้น 5 ฅ่ำ วัน 7 สกราช 1252 ปีกดยี ปกวิหารวัดพระแก้ว รอดเดือน 8 ขึ้น 12 ค่ำ ปกวิหารวัดพระสิงห์"
พ.ศ. 2436 พระธัมมมปัญญา (ป๊อก ธมฺมปญฺโญ ภายหลังเป็นพระครูเมธังกรญาณ) เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์พร้อมเจ้านายทั้งหลาย ได้สร้างพระพุทธรูป 2 องค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า 1 องค์ พระมหากัจจายนะ 1 องค์ พระอรหันต์ 8 องค์ ประดิษฐานในพระอุโบสถ ถึง พ.ศ. 2437 พระประธานวัดพระสิงห์มีเหงื่อออก จดหมายเหตุเมืองเชียงราย ยุคฟื้นฟูเมืองเชียงรายกล่าวว่า
"สกราช 1255 ตัว ปีกล่าไส้ ธุเจ้าธัมมปัญญา เจ้าอธิการวัดพระสิงห์เปนเคล้า พายนอกเจ้านายสัทธาทั้งหลายได้สร้างก่อพระเจ้าสององค์ พระปัจเจก 1 พระมหากจาย 1 องค์ อรหันตา 8 องค์ เถิงสกราช 1256 ตัว ปีกาบสง้า วัน 5 ฅ่ำ แล้วบรมวล เดือน 8 ลง 2 ค่ำ เหื่อพระเจ้าหลวงวัดพระสิงห์ออก
พ.ศ. 2438 เดือนมีนาคม ขึ้น 1 ค่ำ ได้ของที่ฝังอยู่ในดินเหนือวิหารวัดพระสิงห์ออก มีพระธาตุ 11 ดวง พระพุทธรูปทอง 4 องค์ พระพุทธรูปเงิน 1 องค์ พระพุทธรูปทอง 2 องค์ แก้ว 3 ลูก ขึ้น 3 ค่ำ ได้ธาตุ 58 ดวง พระพุทธรูปเงิน 1 องค์ พระพุทธรูปแก้ว 2 องค์ โกศเงิน 1 โกศทอง 1 โกศแก้ว 1 โกศนาก 1 แก้ว 4 ลูก ถึงเดือนเมษายน ขึ้น 15 ค่ำ ได้ฉลองวิหาร จดหมายเหตุเมืองเชียงราย ยุคฟื้นฟูเมืองเชียงรายกล่าวว่า
"เดือน 6 ขึ้น 1 ฅ่ำ ได้ของฝังอยู่ในดินเหนือวิหารวัดพระสิงห์ออก คือ ธาตุ 11 ดวง พระเจ้าฅำ 4 องค์ พระเจ้าเงิน 1 องค์ พระเจ้าฅำ 2 องค์ แก้ว 3 ลูก เดือนเดียวนั้น ขึ้น 3 ค่ำซ้ำได้ธาตุ 58 ดวง พระเจ้าเงิน 1 องค์ พระเจ้าแก้ว 2 องค์ โขดเงิน 1 โขดฅำ 1 โขดแก้ว โขดนาค 1 แก้ว 4 ลูก เถิงเดือน 7 เพง ค็จหลองวิหารกินทานเหล้นม่วน"
พ.ศ. 2449 พระธัมมปัญญา ยังอนุญาตให้หมอบริกส์ (Dr. William Albert Briggs) มิชชันนารี ให้ใช้พื้นที่วิหารวัดพระสิงห์เป็นสถานที่เผยแพร่ศาสนาคริสต์ได้ บันทึกว่า
"ในเมืองเชียงรายทุกวันอาทิตย์ตอนบ่าย มีพวกชาวคริสต์ที่เผยแพร่ศาสนาในตลาด บางครั้งมีผู้ชายหลายคนจากหมู่บ้านต่างๆ ที่เข้าในเมืองเพื่อเสียภาษี หรือถูกเกณฑ์มาทำงานตามโครงการของรัฐบาล พวกผู้ชายเขานอนวัดทุกคืน และพวกชาวคริสต์เข้าในวัดเพื่อการสอนหรือเผยแพร่คำสอนของพระเยซูคริสต์ ท่านเจ้าอาวาสของวัดประธาน (วัดพระสิงห์) เข้าไปฟังคำสอนของชาวคริสต์บ่อยๆ และชวนเขาเผยแพร่คริสต์ศาสนาในวัดของท่าน ตามคำชวนของท่านเจ้าอาวาส ชาวคริสต์ก็ขึงจอหนังตรงหน้าพระประธานลงทองเลย (สำริดปิดทอง) และชาวคริสต์ใช้เครื่องฉายภาพนิ่งเพื่อแสดงชีวิตของพระเยซูทุกคืน"
ปูชนียวัตถุและถาวรวัตถุที่สำคัญของวัด
พระสิงห์หลวง
พระสิงห์หลวง เป็นพระประธานในพระอุโบสถ ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ 21 ปางมารวิชัย สำริดปิดทอง หน้าตักกว้าง 2.04 เมตร สูงทั้งฐาน 2.84 เมตร ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถมีพุทธลักษณะสง่างาม ประณีต ที่ฐานมีจารึกอักษรธรรมล้านนาว่า “กุลลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพยากตา ธมฺมา” อันหมายถึง ปริศนาธรรมระดับปรมัตถ์ในทางพระพุทธศาสนาที่ระบุว่า สภาวะธรรมทั้งปวงมี 3 ประเภท คือ
ธรรมทั้งหลายที่เป็น “กุศล” ก็มี
ธรรมทั้งหลายที่เป็น “อกุศล” ก็มี
ธรรมทั้งหลายที่อยู่นอกเหนือจาก “กุศลและอกุศล” ก็มี
เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์
วัดพระสิงห์ มีเจ้าอาวาสที่บริหารวัดสืบต่อกันมานับแต่ปีที่สร้างวัด จนปัจจุบันจำนวน 8 รูป คือ
ครูบาปวรปัญญา พ.ศ. 2386 - พ.ศ. 2407
ครูบาอินทจักรังสี พ.ศ. 2407 - พ.ศ. 2425
พระอธิการอินทะ (ลาสิกขา) พ.ศ. 2425 - พ.ศ. 2427
พระมหายศ (ลาสิกขา) พ.ศ. 2427 - พ.ศ. 2430
พระครูเมธังกรญาณ (ป๊อก ธมฺมปญฺโญ) หรือพระธัมมปัญญา พ.ศ. 2431 - พ.ศ. 2476
พระครูเมธังกรญาณ (ดวงต๋า) พ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2488
พระครูสิกขาลังการ (ทองอินทร์ ปภาโส) พ.ศ. 2489 - พ.ศ. 2523
พระเทพสิทธินายก (ชื่น ปญฺญาธโร) เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2524 - พ.ศ. 2561
พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ (บุญมา มานิโต) พ.ศ. 2562 - ปัจจุบัน