เมื่อมีชื่อพระลือหน้ายักษ์ ให้เรียก พระลือแม่พิมพ์ที่เชื่อถือกัน จึงถูกเรียก พระลือหน้ามงคล ก็เป็นข้อดี เพราะที่กรุวัดประตูลี้ ที่พบพระเลี่ยงเป็นส่วนใหญ่ พบพระลือเป็นส่วนน้อยนั้น...
ห่างไปเล็กน้อยที่กรุกู่เหล็ก ก็เจอพระลือ อีกพิมพ์ วงการเรียกกันว่า พระลือโขง
พระลือกรุนี้งามมาก คุณเชียรตั้งใจเรียก “จามเทวีเรือนแก้ว” จำนวนพระมีน้อยอยู่แล้ว ค่านิยมก็แพงไปใหญ่...แม้แต่พระลือหน้ามงคล สวยๆด้วยกัน ก็ยังไล่หลัง
พระลือหน้ามงคล องค์ในคอลัมน์ ดูเผินๆ ผิดตา จากพระลือ องค์ครูที่คุ้นตาจากภาพหลายองค์...เส้นสายทั้งองค์พระดูอวบอ้วน...แต่ก็มีเหตุผลอธิบายได้
เนื้อพระลือส่วนมากผสมกรวด ถ้าเจอกรวดก้อนเล็กก้อนใหญ่ ในเนื้อพระเก่าถึงอายุลำพูน อย่าตกใจ นั่นแหละลายแทงของจริง
เนื้อพระลือดินละเอียด มีบ้าง แต่ก็น้อย ลักษณะดินจะเป็นกาบๆ ยึดกรวดได้ไม่แน่นสนิทนัก
อย่าลืม หลักการเผาพระ...ลำพูน เนื้อและผิวที่ต่างสี เกิดจากได้ความร้อนที่ต่างกัน
พระลือเนื้อสีนวล หรือแดงชมพู เป็นเนื้อที่ได้รับความร้อนพอสมควร แต่น่าเสียดายเนื้อสีนี้ มีแรงยึดเหนี่ยวน้อย เมื่อฝังดินกว่าพันปี เนื้อผิวจะเปื่อยยุ่ยลุ่ยติดดินขี้กรุไป ทิ้งแก่นเอาไว้ เห็นเป็นองค์พระรางๆ ก้อนกรวดฟูทั่วองค์ หาความงามไม่ได้
พระลือเนื้อก้ามปูเผา หรือเนื้อเหลืองปนเขียว เนื้อดินละลายมากขึ้น แต่กรวดก็ขยายมากขึ้น ผิวพระจะถูกดัน ทำให้ผิวขรุขระ ขาดสภาพที่แท้จริง คงเหลือเค้าโครงไว้เท่านั้น
พระลือเนื้อเขียว เหตุด้วยพระลือปนกรวดค่อนข้างใหญ่ แม้ความร้อนจะเปลี่ยนเนื้อพระเป็นสีเขียว ก้อนกรวดก็ยังคงตัวอยู่ ก้อนกรวดใหญ่ความร้อนละลายไม่เท่ากัน เนื้อพระยุบก้อนกรวดลอย เมื่อฝังดินพันปี จึงมักมีเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งหลุดเป็นกระบิหายไป บางองค์ที่แขน บางองค์ที่เข่า ส่วนที่หายมากที่สุดคือปลายบน กลายเป็นพระบิ่นบน
PH : 0 898 919 659
ID LINE : koawnaisiam
หน้าที่เข้าชม | 4,446,214 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 3,382,512 ครั้ง |
เปิดร้าน | 4 ก.พ. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |