เหรียญ สมเด็จพระเจ้าพรหมมหาราช ฝาง สำนักเจ้าพรหมมหาราช จ.เชียงใหม่ หลัง พระครูประดิษฐพรหมคุณ (หลวงพ่อบุญเย็น) เนื้อทองแดง พิมพ์เล็ก

เหรียญ สมเด็จพระเจ้าพรหมมหาราช ฝาง สำนักเจ้าพรหมมหาราช จ.เชียงใหม่ หลัง พระครูประดิษฐพรหมคุณ (หลวงพ่อบุญเย็น) เนื้อทองแดง พิมพ์เล็ก
เหรียญ สมเด็จพระเจ้าพรหมมหาราช ฝาง สำนักเจ้าพรหมมหาราช จ.เชียงใหม่ หลัง พระครูประดิษฐพรหมคุณ (หลวงพ่อบุญเย็น) เนื้อทองแดง พิมพ์เล็กเหรียญ สมเด็จพระเจ้าพรหมมหาราช ฝาง สำนักเจ้าพรหมมหาราช จ.เชียงใหม่ หลัง พระครูประดิษฐพรหมคุณ (หลวงพ่อบุญเย็น) เนื้อทองแดง พิมพ์เล็ก
รหัสสินค้า SDPJPMHRBYL03
หมวดหมู่ วัตถุมงคล-พระราชพิธี ร.5-ร.9 และ พระมหากษัตริย์ บุคคลสำคัญ
ราคา 450.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 25 ส.ค. 2563
อัพเดทล่าสุด 6 ต.ค. 2568
จำนวน
เหรียญ
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
พระเจ้าพรหมมหาราช พระองค์พรหมราช หรือ พรหมกุมาร เป็นราชบุตรของ พระองค์พังคราช กษัตริย์เมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น ประสูติราว พ.ศ. 1555 ถึง พ.ศ. 1632 ซึ่งเป็นเมืองในที่ลุ่มแม่น้ำกก แต่มีหลักฐานท้องถิ่นระบุว่าพระองค์ประสูติใน พ.ศ. 1655 ที่เวียงสี่ทวง และสิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. 1732 พระองค์มีพระปรีชาสามารถด้านการรบ สามารถตีเอาเมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น คืนได้จากพระยาขอม (ขอมดำ จากเมืองอุโมงคเสลานคร) ซึ่งยกทัพมาชิงเมืองโยนกในสมัยพระองค์พังคราช พระองค์เป็นกษัตริย์ไทยองค์แรกที่ได้รับสมญานาม "มหาราช" แต่กลับไม่ค่อยมีบันทึกทางประวัติศาสตร์ ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นตำนานหรือคติชนมากกว่าประวัติศาสตร์จริง จึงทำให้พระองค์อาจถือเป็นกษัตริย์ในตำนาน รัชสมัยของพระองค์ไม่เป็นที่กระจ่าง แต่นักโบราณคดีส่วนใหญ่ประมาณการว่าอยู่ในช่วง ค.ศ. 857–58

พระเจ้าพรหมมหาราช (พระองค์พรหมกุมาร) เป็นพระโอรสองค์ที่ 2 ของ พระองค์พังคราชกับพระนางเทวี กษัตริย์เมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น องค์ที่ 45

ตามตำนานสิงหนติกุมาร (ไม่ใช่สิงหนวัติ หรือ สิงหนวติ เพราะไม่ปรากฏในเอกสารใบลานชั้นต้น ซึ่งปรากฏเพียง สิงหนติ) กล่าวว่า ภายหลังจาก พระองค์พังคราช เสียเมืองให้ พระยาขอม และถูกขับไปเป็นแก่บ้าน เวียงสี่ทวง ต้องส่งส่วยให้พระยาขอมเป็นทองคำปีละ 4 ทวงหมากพินน้อย (คือมะตูมลูกเล็ก นำมาผ่าซีก 4 ส่วน นำทองคำหลอมลงไปเพียง 1 ซีก) และมีโอรสองค์แรกชื่อ ทุกขิตะกุมาร ต่อมาได้มีสามเณรชาวเวียงสี่ทวง เดินเข้ามาบิณฑบาตรในคุ้มหลวงของพระยาขอม เมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น พระยาขอมเห็นจึงถามว่ามาจากไหน เมื่อได้ทราบว่าเป็นชาวสี่ทวงจึงโกรธและสั่งให้ไล่สามเณรออกไป สามเณรได้ยินจึงรู้สึกโกรธ เลยเดินออกจากเมืองขึ้นไปยัง พระธาตุดอยกู่แก้ว แล้วเจาะบาตรใส่หัวถวายข้าวให้พระธาตุ แล้วอธิษฐานขอให้ตัวเองได้เกิดเป็นลูกของพระองค์พังคราชและได้ปราบพวกขอมให้พ่ายแพ้ไป แล้วจึงลงไปที่ตีนดอยกู่แก้วนั่งใต้ต้นไม้อดอาหาร 7 วันจนมรณภาพ แล้วไปเกิดเป็นลูกคนที่ 2 ของพระองค์พังราช ชื่อ พรหมกุมาร

เมื่อพรหมกุมารอายุได้ 13 ปี เทวดาได้มาเข้าฝันว่าพรุ่งนี้ให้ไปที่แม่น้ำโขง จะมีช้างเผือก 3 ตัวล่องตามน้ำมา จับได้ตัวแรกจะปราบได้ทวีปทั้ง 4 จับได้ตัวที่สองจะปราบได้ชมพูทวีป จับได้ตัวที่สามจะปราบพวกขอมดำได้ พรหมกุมารพร้อมกับบริวาร 50 คนจึงไปแม่น้ำโขง เห็นมีงูสองตัวล่องมาตามน้ำแล้วผ่านไป เมื่อเห็นงูตัวที่สาม พรหมกุมารจึงสั่งให้จับงูตัวนั้น งูก็พลันกลับร่างเป็นช้าง แต่ไม่ยอมขึ้นมาบนฝั่ง พระองค์พังคราชจึงเอาทองคำพันหนึ่งตีเป็น พาน (พาน อ่านว่าปาน คือเครื่องดนตรีล้านนาชนิดหนึ่ง คล้ายฆ้องแต่ไม่มีโหม่ง ใช้ตี) แล้วให้ทุกขิตะกุมารนำมาส่งให้พรหมกุมารตี เมื่อช้างได้ยินเสียงพานคำจึงเดินตามเสียงพานคำ ช้างตัวนั้นจึงชื่อ ช้างพานคำ และทำการขุดคูเมือง ปรับปรุงกำแพงและประตูเมือง แล้วเปลี่ยนชื่อเวียงสี่ทวงเป็น เวียงพานคำ (สันนิษฐานว่าเวียงสี่ทวงและเวียงพานคำควรอยู่บริเวณเมืองโบราณที่เรียกว่าเวียงแก้ว บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน และเวียงสี่ทวงกับเวียงพานคำไม่ควรอยู่บริเวณเมืองโบราณที่ อ.แม่สาย เพราะตำนานหลายฉบับกล่าวว่าบริเวณนั้นเป็นเมืองหิรัญนครเงินยาง) และทำการซ่องสุมผู้คน แข็งเมืองต่อพระยาขอม

พระครูประดิษฐพรหมคุณ (หลวงปู่บุญเย็น)
ชื่อเดิม            เผ่น ทาแก้ว    
  บิดาชื่อ          นาย หมวก  ทาแก้ว
  มารดาชื่อ       นาง ไหว   ทาแก้ว
  วันเกิด            วันที่ ๗ มิถุนายน
  เกิดที่              บ้านร้องขุด   หมู่ที่ ๑๐  ต.  แม่ก๊า  อ. สันป่าตอง  จ. เชียงใหม่
  มีพี่น้อง           จำนวน     ๖ คน
  บรรพชา          ๖  พฤษภาคม ๒๔๘๗   ณ วัดร้องขุด ต.  แม่ก๊า  อ. สันป่าตอง  จ. เชียงใหม่
  อุปสมบท        ๑๗  มีนาคม ๒๔๙๗      ณ วัดโรงวัว  ต.  แม่ก๊า  อ. สันป่าตอง  จ. เชียงใหม่
  มรณะภาพ       ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๔

ประวัติโดยย่อ

       ขณะที่ท่านยังเยาว์วัยนั้นได้เกิดอุทกภัยน้ำท่วม บิดามารดา จึงต้องอุ้มท่านหนีน้ำไปยังที่ต่างๆ บิดา-มารดาของท่านจึงตั้งชื่อท่านว่า “ เผ่น ”

       ครั้นเมื่ออายุได้ ๑๓ ปี บิดาท่านจึงนำไปฝากไว้กับ ครูบาคำพัน ที่วัดแม่ก๊า อำเภอสันป่าตอง เพื่อที่จะให้บรรพชาเป็นสามเณร เนื่องจากท่านเป็นเด็กที่มีอุปนิสัยเฉลียวฉลาด และสุขุมเยือกเย็น ครูบาคำพันจึงเปลี่ยนชื่อให้ท่านใหม่ว่า “ เย็น ” หลังศึกษาพระธรรมวินัยมาจนอายุได้ ๒๑ ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยได้รับฉายาว่า ฐานธมฺโม แล้วได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดร้องขุด อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างที่จำพรรษาอยู่ที่นี่ท่านก็ได้เป็นครูสอนนักธรรม และช่วยสอนนักเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนในหมู่บ้านนั้นด้วย ในช่วงนี้เองที่ท่านได้ใช้เวลาในการฝึกวิปัสสนากรรมฐานกับครูบาเต้า คมภิโร และได้ออกเดินธุดงค์ ไปหลายจังหวัดเป็นเวลา ๒ ปี

        จนกระทั้งในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ท่านจึงได้เดินทางมาจำวัดอยู่ที่วัดบ้านปง ตำบลปงตำ อำเภอฝาง ซึ่งตอนนั้นยังไม่เจริญ ถนนหนทางเข้าสู่หมู่บ้านก็ไม่มี ท่านก็เล็งเห็นว่าตำบลปงตำบลนี้เป็นสถานที่สำคัญที่สามารถพัฒนาได้อีกมาก ท่านจึงได้ชักชวนชาวบ้านมาร่วมแรงร่วมใจกันทำถนนเข้าสู่หมู่บ้าน ได้จนสำเร็จ โดยไม่ได้อาศัยเงินงบประมาณแผ่นดินเลยแต่อย่างใด

        ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ หลวงพ่อบุญเย็นท่านเห็นว่าเด็กๆยังขาดการศึกษาเล่าเรียน จึงได้ขอจัดสร้างโรงเรียนวัดบ้านปง ให้เป็นสมบัติของทางราชการ รวมถึงการเป็นผู้นำคณะผู้มีจิตศรัทธาสร้างถนนติดต่อกับถนนใหญ่ จากบ้านท่าสู่บ้านปงแม่วะ จากป่างิ้วมาสู่บ้านแม่ทะลบ และได้สร้างถนนเข้าสู่ถ้ำตับเต่า และได้สร้างฝายบ้านอ่าย ฝ่ายปงตำเพื่อช่วยเหลือชาวเกษตรกร

         ในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ หลวงพ่อบุญเย็นท่านได้ก่อสร้างสำนักสงฆ์พระเจ้าพรหมมหาราชขึ้น ที่บ้านป่าไม้แดงและภายหลังได้เปลี่ยนเป็น  วัดป่าไม้แดง(พระเจ้าพรหมมหาราช)

          ในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ท่านได้สมณะศักดิ์เป็น “ พระครูประดิษฐ์พรหมคุณ ” ในวันที่ ๕ ธันวาคม
 จนกระทั่งปี ๒๕๒๘ มีศรัทธาได้ถวายที่ดิน ๓๐ไร่ ให้ท่านสร้างสำนักสงฆ์ ท่านจึงได้สร้างสำนักสงฆ์ขึ้นชื่อว่า “ สำนักสงฆ์พรหมประกาศิต ” ที่บางไทรและจำพรรษาอยู่ที่นี่จนถึงปี ๒๕๓๔ ท่านได้กลับมาทำภารกิจที่วัดป่าไม้แดง และเกิดอาพาธด้วยโรคประจำตัว คือโรคเบาหวาน จนมรณภาพไปในที่สุด เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ด้วยอาการไตวาย

วิธีการชำระเงิน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาปตท.ถนนกาญจนาภิเษก 2 ออมทรัพย์

JEWELRY-ANTIQUE-AMULET

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม4,558,533 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด3,494,831 ครั้ง
เปิดร้าน4 ก.พ. 2558
ร้านค้าอัพเดท22 ต.ค. 2568

ติดต่อเรา

ติดตามสินค้า

พูดคุย-สอบถาม